KA-SHEN Board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
KA-SHEN Board

::<[ศูนย์บัญชาการ KSN. ภารกิจพิชิตราชันย์]>::
 
เธšเน‰เธฒเธ™เธšเน‰เธฒเธ™  เธ„เน‰เธ™เธซเธฒเธ„เน‰เธ™เธซเธฒ  Latest imagesLatest images  เธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)เธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)  เน€เธ‚เน‰เธฒเธชเธนเนˆเธฃเธฐเธšเธš(Log in)  

 

 ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ

Go down 
+3
sz_kaz
RYUSAKii
xaviera
7 posters
เธœเธนเน‰เธ•เธฑเน‰เธ‡เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก
xaviera
นักเรียนใหม่สุดแนว
นักเรียนใหม่สุดแนว
xaviera


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 56
อายุ : 29
Localisation : ต่อให้อยากบอกคำนี้แค่ไหนเธอก็คงไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงไม่ให้อภัย แต่ก็อยากบอกว่า "ขอโทษนะ....เพื่อน"
Registration date : 16/08/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyFri Sep 21, 2007 7:17 pm

ฉลองการมาเยือนบอร์ดอีกรอบ เหอๆ


เทพเจ้า ตัวแทน วงศ์

โอดิน (Odin) เทพแห่งสงคราม บทกวีและความรู้ เอซีร์ (Aesir)
ฟริกกา (Frigga) เทวีแห่งความงาม เมฆและท้องฟ้า เอซีร์ (Aesir)
ธอร์ (Thor) เทพแห่งสายฟ้า และการเกษตร เอซีร์ (Aesir)
โลกิ (Loki) เทพแห่งไฟ เอซีร์ (Aesir)
เฮมดัลล์ (Heimdal) เทพแห่งแสงสว่าง เอซีร์ (Aesir)
ผู้เฝ้าดินแดนเทพแอสการ์ด
บาลเดอร์ (Balder) เทพแห่งแสง ความปิติยินดี เอซีร์ (Aesir)
และความบริสุทธิ์
โฮเดอร์ (Holder) เทพแห่งฤดูหนาวและยามราตรี เอซีร์ (Aesir)
แบรกี (Bragy) เทพแห่งดนตรีและบทกวี เอซีร์ (Aesir)
ฟอร์เซติ (Forseti) เทพเจ้าแห่งความยุติธรรมและ เอซีร์ (Aesir)
ความประนีประนอม
เฟรย์ (Freyr) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ เอซีร์ (Aesir)*
เฟรย่า (Freya) เทวีแห่งความงามและความรัก เอซีร์ (Aesir)*
นอร์ด (Njord) เทพแห่งสายลมและผืนทะเล เอซีร์ (Aesir)*
ซิฟ (Sif) เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เอซีร์ (Aesir)
วีลี (Vili) น้องชายของโอดิน เอซีร์ (Aesir)
เว (Ve) น้องชายของโอดิน เอซีร์ (Aesir)
อีดูน (Idun) เทวีแห่งความเยาว์วัย เอซีร์ (Aesir)
ไทร์ (Tyr) เทพแห่งสงครามและความยุติธรรม เอซีร์ (Aesir)
วีดาร์ (Vidar) เทพแห่งความเงียบและการแก้แค้น เอซีร์ (Aesir)
เฮอร์มอด (Hermod) เทพแห่งการส่งสาร เอซีร์ (Aesir)
โฮนีร์ (Honir) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล วานีร์ (Vanir)*
เอกีร์ (Aegir) เทพแห่งมหาสมุทร วานีร์ (Vanir)
แรน (Ran) เทพีแห่งพายุ วานีร์ (Vanir)
เฮล (Hel) เทวีแห่งยมโลก
โนร์น (The Norns) เทวีแห่งโชคชะตา
อูล (Ull) เทพแห่งการล่า! และการต่อสู้
วาร์ (Var) เทวีแห่งการสมรส
สแกดี (Skadi) เทวีแห่งหิมะและการเล่นสกี วานีร์ (Vanir)

ตำนานการเกิดโลก
- - - Norse Mythology - - -
เรื่องนี้มีบันทึกไว้ในบทกวีที่มีชื่อว่าเอ็ดดา เล่มที่ 1 ในจำนวนทั้งหมด 2 เล่ม เกี่ยวกับการกำเนิดโลก ว่า...
โลกเรานี้ หรือจะว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า มีเพียงห้วงที่ว่างเปล่าเรียกว่า กินนุนกากับ( Ginnungagap) ด้านเหนือ คือ ดินแดนนิฟเฟลเฮม(Nifelheim) โลกแห่งน้ำแข็ง ทั้งกว้างและว่างเปล่า เป็นที่ที่หนาวเหน็บและครอบคลุมไปด้วยความมืดมิด หมอกแห่งความเย็นครอบคลุมไปถึงน้ำพุ เฮอร์เกลมีร์(Hvergelmir) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำ 11 สาย ที่ไหลลงสู่กินนุนกากับ ทำให้เกิดธารน้ำแข็งเต็มช่องว่าง ส่วนทางใต้ ก็คือ ดินแดนแห่งเปลวเพลิงมัสเปลเฮม (Muspelheim) เป็นที่อยู่ของยักษ์เซิร์ท ที่ถือดาบแห่งเพลิง เป็นดินแดนแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นมา ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆสามารถทนอาศัยอยู่ได้นอกจากเซิร์ท เขาจะนั่งอยู่ที่ปลายสุดของดินแดนเพื่อเฝ้าแผ่นดินมัสเปลนี้ ในเมื่อดินแดนแห่งนั้นว่างเปล่ายักษ์เซิร์ทจึงได้แต่นั่งตีดาบ ประกายไฟจากการตีดาบจึงลอยเข้าไปในห้วงลึกทุกวัน เมื่อดินแดนทั้งสองที่มีทั้งน้ำแข็งและไฟมาเจอกันนานเข้า มันก็เกิดการรวมตัวครั้งใหม่ ทำให้เกิดยักษ์ตนหนึ่ง นามว่า อีมีร์(Ymir) และสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการหลอมละลายของน้ำแข็ง เกิดเป็นนางวัวนาม โอดฮัมลา(Audhumla) และอีมีร์ก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยจากดื่มน้ำนมจากนางวัวโอด ส่วนนางวัวก็ได้แต่เลียน้ำแข็งปะทังชีวิต
เมื่ออีมีร์อิ่มจากการดื่มนม เขาก็หลับสนิทบนทุ่งน้ำแข็ง เมื่อประกายไฟจากมัสเปลตกมาที่ตัวเขาเรื่อยๆ เหงื่อเขาก็ออก เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้น เป็นยักษ์หกหัว ชื่อว่า ธรุดเกลมีร์ (Thrudgelmir)(ยักษ์ตนนี้แหละที่เป็นบรรพบุรุษรุ่นต่อมาที่ให้กำเนิดลูกหลานยักษ์ต่อไป) อีมีร์จึงเป็นผู้ให้กำเนิดเหล่ายักษ์ (เผ่าพันธุ์ยักษ์ทั้งหมด)
นางวัวให้กำเนิดมนุษย์ โดยมีกล่าวในตำนานไว้ว่า...นางใช้ลิ้นของนางลามเลียก้อนน้ำแข็งอยู่ทุกวัน วันแรกที่นางเลียน้ำแข็งนี้ ก็เกิดเป็นเส้นผมมนุษย์ วันที่สองปรากฏเป็นศีรษะ และวันที่สามก็เกิดเป็นรูปร่าง มีตัวมีตน มีแขนขา ทุกส่วนครบทุกประการเหมือนที่คนปกติมี เขาได้นามว่า บูรี(Buri) เป็นชายหนุ่มที่เรียกได้ว่าทั้งสูง แข็งแรงและมีรูปงาม(ครบสูตรหนุ่มรูปงามเลยนั่นแหละ)(บางตำนานก็ว่า เกิดจากการที่นางวัวพ่นลมหายใจออกมาทำให้เกิดมีบูรี) ต่อมาไม่นานเขาก็ให้กำเนิดบุตรชายชื่อว่าบอร์(Bor) และลูกชายของเขาก็ได้แต่งงานกับเบสตลา(Bestla) บุตรีของยักษ์
บอร์และเบสตลาได้ให้กำเนิดบุตรชาย 3 คน คือ โอดิน(Odin) วิลี(Vili) และเว(V&eacute; และโอดินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตเป็นต้นกำเนิดของเหล่าทวยเทพบนดินแดนสวรรค์แอสการ์ด เขาได้รับความเคารพมากในฐานะมหาเทพ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
พอเทพเกิดขึ้น ธรุดเกลมีร์ กับลูกชายชื่อ เบอร์เกลมีร์(Bergelmir) ก็ตกใจกลัวเทพ ทั้งสองจึงช่วยกันรวบรวมพี่น้องๆ ที่เกิดขึ้นจากอีเมอร์ไว้เป็นกำลังฝ่ายตัว
ความกลัวเทพอาจจะมาจากคุณสมบัติที่ยักษ์ไม่มี เช่น ทั้งสามนั่นแข็งแรง แผลบาดเจ็บอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็หายเองได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากพวกยักษ์ซึ่งมีจะมีมากและมีเสริมขึ้นเรื่อยๆ แต่ความแข็งแรงและแข็งแกร่งกลับสู้เทพทั้งสามไม่ได้เลย สงครามระหว่างลูกๆ ของธรุดเกลเมอร์และลูกๆ ของบอร์ เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับพันๆ ปีโดยที่ไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด หรือฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ
โอดิน วิลีและเวนั้นก็ได้เป็นผู้สังหารยักษ์นามอีมีร์... ด้วยเหตุที่พวกเขาไม่ต้องการให้มียักษ์เกิดขึ้นมาอีก
เลือดของอีมีร์ที่ไหลรินออกมา กลายเป็นทะเลสาบและแม่น้ำ ส่วนหนึ่งได้ไหลท่วมกินนุนกากับ ทำให้เหล่ายักษ์จมน้ำตายเกือบหมด เหลือก็แต่เบลเกลมีร์ที่พาคนรักหนีออกมา สร้างอาณาจักรยักษ์ชื่อว่าโจตันเฮม(Jotunheim) และคอยบอกลูกหลานให้เกลียดเหล่าเทพ(ตำนานว่างั้น)
บุตรชายทั้งสามของบอร์ก็นำร่างไร้ชีวิตของเขาไปไว้ในใจกลางของกินนุนกากับ และพวกเขาก็ได้เริ่มสร้างโลกจากร่างของอีมีร์...
จากเนื้อ เป็นพื้นดิน
จากเส้นผม เป็นต้นไม้
จากกระดูก เป็นภูเขา
จากฟันและขากรรไกร เป็นหินและกรวด
หนอนที่ชอนไชร่างกาย กลับมามีชีวิต(โดยเวทย์ของโอดิน วิลีและเว) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เรียกว่า คนแคระ พวกหนึ่งมีนิสัยโลภโลเล เป็นสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนพื้นดินและซอกหิน เทพจึงส่งพวกนี้ไปอยู่ที่สวาทัลเฮม(Svartalfheim) ใต้ดินแดนมิดการ์ด และห้ามขึ้นมาเจอแสงอาทิตย์ เพราะเมื่อต้องแสงอาทิตย์เมื่อไร พวกเขาก็จะกลายเป็นหินทันที ส่วนอีกพวกที่ดีหน่อย จึงถูกเสกให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม เรียกว่าเอลฟ์ และได้อยู่ในดินแดน อัลฟ์เฮม(Alfheim) ที่อยู่ของเอลฟ์ขาว อัลฟ์เฮมจะอยู่ชั้นเดียวกันกับดินแดนเทพ คือแอสการ์ดและวานาเฮม...
จากกะโหลกศีรษะ เป็นท้องฟ้า โดยนำมาจัดไว้เหนือผืนดิน ครอบคลุมทั้งหมด 4 ด้าน ใต้ท้องฟ้า พวกเขาก็นำคนแคระมาอาศัยอยู่แต่ละด้าน แต่ละตนชื่อว่า East, West, North และ South กลายเป็นทิศต่างๆ
จากสมอง โยนออกสู่ฟ้ากว้าง กลับกลายเป็นก้อนเมฆ
ต่อมา พวกเขาก็นำลูกไฟจากดินแดนมัสเปล(ไฟจากประกายของยักษ์เซิร์ท) นำมันโยนขึ้นไปเหนือห้วง เพื่อให้มีแสงสว่างทั่วสรวงสวรรค์และบนดินแดนมนุษย์ กลายเป็นดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โดยที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ จะมีเกวียน(มั้ง) ลากพาดผ่านท้องฟ้า สลับไปมา แต่ต้องมีผู้ลากมันไป นั้นคือ มานี(จันทร์) และโซล(ดวงอาทิตย์) แต่ไม่วายที่จะมีเรื่อง เมื่อมีหมาป่าสองพี่น้อง สโคลและฮาติ คอยไล่งับจันทร์และอาทิย์ โดยที่ฮาติ(พี่)เป็นหมาป่าที่คอยไล่งับดวงจันทร์ และโสคลคอยไล่งับดวงอาทิตย์... ในเมื่อโลกถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลลึก เทพทั้งสามจึงได้สร้างแผ่นดินขึ้นจากเนื้อของอีมีร์ เพื่อให้แยกออกมาจากเหล่ายักษา พวกเขาจึงได้สร้างที่มั่นขึ้นมาอีก โดยนำคิ้วของอีมีร์มากั้นโจตันเฮมกันดินแดนมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า ดินแดนมิดการ์ด อยู่ระหว่างมัสเปลกับนิฟเฟลเฮม ขณะที่เทพทั้งสามกำลังเดินไปตามชายหาด พวกเขาได้พบท่อนไม้ 2 ท่อนที่ถูกพัดมาติดชายฝั่ง จากท่อนไม้ พวกเขาจึงได้สร้างมนุษย์คู่แรกของโลกขึ้นมา(เหมือนอาดัมกับอีฟ) โอดินมอบชีวิตและวิญญาณ วิลีมอบประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว เวเป็นผู้ให้เสื้อผ้าและเป็นผู้ตั้งชื่อให้... ชายมีนามว่าอาสค์(Ask หรือ Ash หมายถึงต้นแอช) หญิงมีนามว่าเอมบลา(Embla หรือ elm หมายถึงต้นเอ็ม) เป็นมนุษย์คู่แรกในดินแดนมิดการ์ด เมื่อได้สร้างโลกให้พวกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแล้ว พวกเขาจึงได้สร้างดินแดนเพื่อเป็นที่อยู่ของตนขึ้น มีชื่อว่า ดินแดนแอสการ์ด (รุ่นต่อๆมาก็มีการเรียกดินแดนนี้ว่า ทรอย - Troy) เหล่าทวยเทพและผู้มีเชื้อสายเทพล้วนพำนักอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ ในแอสการ์ด มีโถงใหญ่เรียกว่าไฮลด์สจาลฟ์(Hlidskj?lf) โอดินจะนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุด มองเห็นทุกสรรพสิ่งบนโลก เขารู้ทุกอย่าง...
โอดินได้แต่งงานกับเทวีฟริกกา บุตรสาวของ Fj?rgvin จากตรอบครัวเล็ก กลายเป็นครอบครัวใหญ่ กลายเป็นตระกูลใหญ่ หรือเรียกได้ว่าเป็นราชวงศ์ เรียกว่า เอซีร์(Aesir - ?sir)(จะออกเสียงเอเซียร์ หรือจะอ่านว่า เอซีร์ ก็ได้ เป็นภาษาตระกูลเยอรมัน) โดยมีโอดินเป็นเทพเจ้าสูงสุด เทพเอซีร์จะเป็นเทพที่มีเชื้อสายหรือเกิดจากโอดิน บางครั้งโอดินจึงได้ชื่ออีกว่าเป็น All - Father คือ เป็นบิดาของทุกสรรพสิ่งที่เขาสร้างหรือให้กำเนิดมา
ระหว่างดินแดนเทพแอสการ์ดกับดินแดนมิดการ์ดมีสะพานรุ้งชื่อว่า ไบฟอร์ส (Bifr?st) เป็นสะพานที่ได้ชื่อว่าแข็งแรงที่สุด และเป็นทางเข้าดินแดนเทพแอสการ์ดด้วย
และที่ใจกลางของโลก มีต้นไม้ใหญ่โอบล้อมทั้งสามโลกไว้ เรียกว่าอิกดราซิล(Yggdrasil)
Yggdrasil
ต้นไม้แห่งโลก
อิกดราซิลเป็นต้นแอชใหญ่ที่มีราก 3 ราก ราก 1 ชอนไชไปที่ดินแดนเทพแอสการ์ด รากที่ 2 ชอนไชไปที่ดินแดนน้ำแข็ง และรากที่ 3 ชอนไชไปถึงอาราจักรแห่งความตาย (เฮลเฮม) รากแก้วเหล่านี้ดูดน้ำเลี้ยงจากบ่อแห่งชะตากรรม น้ำพุแห่งปัญญา และต้นแม่น้ำหลายหลากสาย ในแอสการ์ดอยู่ที่น้ำพุโอด น้ำพุแห่งความเยาว์วัย รากอีกรากอยู่ที่นิฟเฮม น้ำพุเฮลเกลมีร์ และอีกรากในดินแดนยักษ์ น้ำพุมีมีร์ (น้ำพุแห่งปัญญา) เทพธิดาโนร์น (Norn) (เทวีแห่งโชคชะตา) พี่น้องสาม
องค์ที่มีชื่อเรียกขานกันตามลำดับว่า ชะตากรรม(Fate) การดำรงอยู่(Being) และปัจจัย(Neccesity) เป็นผู้ดูแลทำนุบำรุงต้นไม้นี้กิ่งก้านสาขาของอิกดราซิลโอบล้อมจักรวาลและหลั่งหยาดน้ำแห่งโชคชะตาและสติปัญญาสู่มวลมนุษยชาติ
อิกดราซิล จะเขียวสดอยู่ตลอดทั้งปีและตลอดไป บนต้นมี!อีกหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่นบนยอดไม้สูงสุดมีไก่ตัวผู้สีทองตัวหนึ่งคอยตรวจตราขอบฟ้า มีหน้าที่จะต้องขันเตือนเทพเจ้าหากศัตรูตลอดกาลของพวกเขาเตรียมยาตราทัพเข้ามาหา นอกจากนี้มีนกอินทรีอีกตัวหนึ่งจะคอยเกาะกิ่งไม้มองสำรวจเช่นเดียวกับไก่ นกตัวนี้มีผู้ช่วยก็คือนกเหยี่ยวซึ่งเกาะอยู่ระหว่างตาของมัน ส่วน!ที่ไม่ใช่พวกนกก็มีกระรอกชื่อ ราตาโทสค์ (Ratatosk) เป็นอีกตัวที่อยู่บนไม้อิกดราซิล มันไม่เคยหยุดวิ่งขึ้นวิ่งลง ระหว่างตำแหน่งที่นกอินทรีเกาะอยู่ กับตรงรากของต้นอันที่อยู่บนแผ่นดินน้ำแข็งนิฟเฮม เพราะว่าที่นี่มีพญางูนิดฮอก (Nidhoggr) ขดล้อม มันจะเป็นตัวที่คอยตรวจตราไม่ให้พญางูตัวนั้นกัดกินรากต้นไม้มากเกินไปยามที่เบื่อจะแทะศพมนุษย์แล้ว
ต้นไม้จะอยู่ยงคงกระพันแม้จะเกิดสงครามสงครามวันสิ้นโลก (แร๊กนาร็อก) ซึ่งสาเหตุมาจากเหล่ามวลเทพ อันส่งผลให้ทั้งมนุษย์และทวยเทพต่างก็ถูกเผาผลาญไปกับการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว และโลกก็จะถูกชำระล้าง แต่เมื่อสงครามสิ้นสุด เทพและเทพีที่ทรงความเมตตา (ผู้รอดชีวิตที่เหลือจากแร็กนาร็อก) ได้แก่ ลิฟ(Lif) ลิฟดราซีร์(Lifdrasir)จะปรากฏตนออกมาจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งโลก นอกจากนี้ยังมีบาลเดอร์ เทพที่ตายก่อนสงครามเพราะโลกิที่อยู่ในเฮลเฮมก่อนหน้านี้ก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งตามคำทำนาย โฮนีร์ และเทพอื่นๆอีกไม่กี่คน ซึ่งเทพเหล่านี้ได้ปรากฏออกมาเพื่อสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่า...
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
xaviera
นักเรียนใหม่สุดแนว
นักเรียนใหม่สุดแนว
xaviera


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 56
อายุ : 29
Localisation : ต่อให้อยากบอกคำนี้แค่ไหนเธอก็คงไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงไม่ให้อภัย แต่ก็อยากบอกว่า "ขอโทษนะ....เพื่อน"
Registration date : 16/08/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyFri Sep 21, 2007 7:18 pm

ในตำนานกล่าวว่า มีดินแดนเทพทั้งหมด 9 ดินแดน แบ่งเป็นสามส่วน
ส่วนบนสุด :
ดินแดนเทพแอสการ์ด(Asgard) - ที่อยู่ของเทพเอซีร์ (เทพที่เกิดจากโอดิน)
ดินแดนเทพวานาเฮม(Vanahiem) - ที่อยู่ของเทพวานีร์ (เทพนอกเหนือออกไป ไม่มีเชื้อสายของโอดิน)
อัลฟ์เฮม(Alfheim) - ดินแดนเอลฟ์ เอลฟ์แห่งแสงสว่าง (มีเวทย์มนต์ เป็นเอลฟ์ชั้นสูง)
ส่วนถัดมา(กลาง) :
ดินแดนมิดการ์ด(Midgard = Middle garden) - ที่อยู่อาศัยของมนุษย์
ดินแดนนิดาเวลเลียร์(Nidavellir) - ดินแดนของคนแคระ
โจทันเฮม(Jotanheim) - ดินแดนแห่งยักษ์
สวาตัลฟ์เฮม(Svartalfheim) - ดินแดนของพวกเอลฟ์ดำและเอลฟ์ขาว
ส่วนที่อยู่ล่างสุด :
เฮลเฮม(Helheim) - ดินแดนใต้พิภพ อาณาจักรแห่งความตาย(นรก) (ปกครองโดยเทวีแห่งความตาย เฮล)
นิฟเฟิลเฮม(Niflheim) - โลกแห่งความตาย
(heim ภาษาตระผมลเยอรมัน แปลว่า บ้านหรือที่อยู่)
- รายนามเทพเจ้าของชาวนอร์ส - - -
เทพเจ้าแสกนดิเนเวีย ไวกิ้ง ชาวนอร์สและยุโรปเหนือ เป็นชื่อเรียกรวมของเทพเจ้าที่รู้จักกันดีในนามเทพเจ้าของชาวนอร์ส เทพสูงสุดคือโอดินมหาเทพ สำหรับเทพเจ้านั้นจะแบ่งออกเป็นวงศ์วานหลักๆอยู่ 2 วงศ์(หรือจะเรียกว่ากลุ่มเทพก็ได้)คือ เทพเอซีร์ซึ่งเป็นเทพผู้ที่อาศัยอยู่บนดินแดนแอสการ์ดและทั้งหมดต่างก็มีเชื้อสายของโอดินมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่(ว่างั้น) กับวานีร์ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนวานาเฮม(ที่อยู่ของวานีร์)เป็นเทพที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติเสียส่วนใหญ่(สุขภาพ ความอุดมสมบูรณ์ ทรัพย์สิน เด็ก และความโชคดี เป็นต้น) ทั้งยังมีความสามารถด้านเวทย์มนต์สูง และเคยสาบานที่จะเป็นศัตรูกับนักรบเทพเอซีร์ ซึ่งเป็นสงครามที่กินเวลามายาวนานมาก ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตัดสินใจที่จะสงบศึกกัน โดยแต่ละฝ่ายได้ส่งเทพไปอยู่ในดินแดนของอีกฝ่าย เพื่อเป็นหลักประกัน ได้แก่ เทพเฟรย์ เทวีเฟรย่าและบิดาจากวานีร์ถูกส่งให้เป็นเทพของเอซีร์ แล้วเอซีร์ก็ส่งโฮนีร์กับภรรยาไปเป็นเทพของวานีร์ และสุดท้ายในสงครามแร็กนาร็อค ทั้งสองชนก็รวมตัวกันต่อสู้กับยักษ์น้ำแข็งที่เข้ามาบุกรุกดินแดนเทพ แม้จะไม่มีใครรอดก็ตามแต่...
Harbarljoo : Lay of Harbarth
วันหนึ่ง โลกิ โอดิน และเทพอีกองค์หนึ่งชื่อว่า โฮนีร์ (Honir) กำลังย่างเนื้อเพื่อกินเป็นอาหารมื้อเย็น ได้นกอินทรีย์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งโฉบลงมาจิกเอาก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ที่ดีที่สุดติดอุ้งเล็บไป โลกิได้ใช้ไม้ปลายแหลมแทงติดตัวอินทรีย์ นกอินทรีย์ใหญ่โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทั้งที่มีไม้ปลายแหลมปักติดรวมทั้งโลกิที่เกาะติดไปกับไม้นั้นด้วย ที่จริงแล้วนกอินทรีย์ใหญ่ตัวนั้นเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่มีชื่อว่า ธีอาซี่ (Thiazi) แปลงตัวมา ยักษ์ธีอาซี่ไม่ยอมปล่อยโลกิจนกระทั่งโลกิสัญญาว่าจะนำเทพธิดา อีดูน(Idun) พร้อมด้วยตะกร้าที่มีแอบเปิลทองคำมาให้ยักษ์ธีอาซี่จึงได้ยอมปล่อยตัวโลกิให้เป็นอิสระ และผลแอบเปิ้ลทองคำของอีดูนที่กล่าวถึงนี้ ไม่ใช่ผลไม่ธรรมดา หากแต่ผลไม้วิเศษที่เทพเจ้าบนสรวงสวรรค์กินแล้วทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดกาล ไม่รู้จักแก่เฒ่า
โลกิซึ่งเป็นคนรูปหล่อมีเสน่ห์ได้ชักชวนเทพธิดาอีดูนให้ไปเดินเล่นด้วยกัน โลกิพาเทพธิดาอีดูนเดินข้ามสะพานสายรุ้งซึ่งเป็นเขตแดนแยกระหว่างดินแดนของเหล่าเทพเจ้าและแผ่นดินถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ ทันทีที่เทพธิดาอีดูนเดินข้ามสะพานพ้นออกมาจากเขตแดนสวรรค์ที่เรียกว่าแอสการ์ด นกอินทรีย์ได้โฉบลงจับตัวพาไปยังถิ่นที่อยู่ของมันซึ่งเป็นภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ เมื่อขาดเทพธิดาอีดูนและผลแอบเปิ้ลวิเศษ เหล่าเทพเจ้าในแอสการ์ดก็เริ่มแก่เฒ่า ผมที่เริ่มมีสีแดงของธอร์ก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ขวานฟ้าที่ขว้างออกไปก็ไม่ไกลจากที่เป็นรวมทั้งความแม่นยำก็ลดน้อยลงไปด้วย เทพโอดินก็เริ่มหูอื้อฟังอะไรไม่ชัดเจนดังเดิม เฟรย่าเทพแห่งความรักและความงามที่มีผมสีทองสุกปลั่งก็เริ่มมีแสงสีเงินแซมขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเลวร้ายขึ้นเป็นลำดับ ความหนาวเย็นและน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นโลกทางเหนือได้เริ่มขยายตัวออกแผ่กระจายไปทั่วโลก
"สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะเจ้าและเจ้าจะต้องแก้ไขให้ดีขึ้น" โอดินกล่าวกับโลกิ ด้วยเหตุนี้ โลกิจึงได้แปลงร่างเป็นนกเหยี่ยวขนาดเล็กบินออกจากแอสการ์ดตรงไปยังถิ่นที่อยู่ของยักษ์เพื่อจะสืบดูเหตุการณ์ว่าจะสามารถจัดการได้อย่างไร เมื่อโลกิได้เดินทางไปถึงปราสาทของยักษ์ธีอาซี่ พอดีกับที่เจ้ายักษ์ธีอาซี่ไม่อยู่ โลกิในร่างของเหยี่ยวตัวน้อยจึงได้บินผ่านหน้าต่างเข้าไปยังปราสาท พบเทพธิดาอีดูนกำลังร้องไห้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ในปราสาทแห่งนั้น โลกิในร่างของเหยี่ยวน้อยได้จัดการแปลงร่างของเทพธิดาอีดูนให้เป็นเมล็ดถั่วแล้วจึงใช้ปากคาบพาบินออกมาทางหน้าต่าง
แต่ทว่าก่อนที่โลกิจะพาเทพธิดาอีดูนกลับมาถึงแอสการ์ด ยักษ์ธีอาซี่ได้กลับไปถึงปราสาทและพบว่าเทพธิดาอีดูนได้หายไปแล้ว ยักษ์ธีอาซี่ได้แปลงร่างเป็นนกอินทรีย์ยักษ์บินตามเหยี่ยวโลกิไปด้วยความโกรธ เทพเจ้าทั้งหลายบนแอสการ์ดรู้เหตุการณ์และมองเห็นนกทั้งสองตัวบินไล่กันมาแต่ไกลเจ้านกอินทรีย์ยักษ์บินเข้าหาเหยี่ยวน้อยอย่างรวดเร็วและก่อนที่อินทรีย์ยักษ์จะถึงตัวเหยี่ยวน้อย เหล่าเทพเจ้าได้นำกิ่งไม้และใบไม้จำนวนมากมากองขวางไว้ตามกำแพงของแอสการ์ด เมื่อเหยี่ยวโลกิบินผ่านจึงได้ช่วยกันจุดไฟขวางกั้นนกอินทรีย์ยักษ์ไว้ไม่ให้บินผ่านไป นกอินทรีย์ยักษ์บินตามมาด้วยความเร็วไม่อาจหยุดได้ทันท่วงทีจึงได้รับบาดเจ็บเพราะโดนไฟบินถลาผ่านเขตแดนกั้นตกลงในเขตแดนของแอสการ์ดและถูกเทพเจ้าฆ่าตาย เทพธิดาอีดูนและผลแอบเปิ้ลวิเศษจึงกลับคืนสู่แอสการ์ดอีกครั้งหนึ่ง
แต่ยักษ์ธีอาซี่ก็ยังมีผู้ที่รักอยู่ ลูกสาวของธีอาซี่เมื่อรู้ว่าพ่อตายจึงได้เดินทางไปแอสการ์ดเพื่อขอความยุติธรรม เพื่อให้ความยุติธรรมและเป็นที่พอใจต่อบุตรสาวของธีอาซี่ เทพโอดินจึงนำธีอาซี่ไปไว้ในท้องฟ้า เพื่อให้คนบนโลกได้มองเห็น ธีอาซี่จึงได้กลายเป็นดวงดาวหนึ่งในท้องฟ้าก็คือ ดาวซีริอัส (SIRIUS) ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้านั่นเอง
The Death of Balder
บาลเดอร์เป็นเทพแห่งแสงและความงาม ลูกชายของโอดินและเทวีฟริกกา เขาเป็นพี่ชายฝาแฝดของเทพตาบอดแห่งความมืดนามโฮเดอร์ เขาเป็นเทพที่รูปงามและความฉลาดรอบตัว แล้วก็ยังนิสัยดีด้วย ซึ่งความงามของเขาก็ไม่แพ้ไปกว่าโลกิเทพแห่งไฟ เทพเจ้าเสน่ห์แห่งแอสการ์ดเลยทีเดียว
วันหนึ่ง ขณะที่เทพบาลเดอร์กำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็เกิดนิมิตฝันร้าย ท่านตกใจตื่น เหงื่อชุ่มกาย และหลังจากนั้นบาลเดอร์ก็ไปเล่าความฝันให้จอมเทพโอดินผู้เป็นบิดาฟัง ท่านท้าวไม่รอช้า ด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย โอดินจึงลงไปยังอาณาจักรเฮล ใต้พื้นพิภพ เพื่อปลุกวิญญาณของโวลลาจากความตายมาเพื่อทำนายฝันของเทพบาลเดอร์ หล่อนบอกว่าเขาจะตายด้วยมือของน้องชายฝาแฝดนามโฮเดอร์
เทวีฟริกกาจึงไปอ้อนวอน ขอพรจากต้นไม้และสรรพสิ่งต่างๆที่มีอยู่บนโลก(งู โลหะ โรคร้าย พิษ ไฟ กิ่งไม้ ฯลฯ) เพื่อป้องกันมิให้ลูกชายของตนได้รับอันตราย เว้นแต่เธอมิได้ไปขอพรจากเถาไม้มิสเซิลโท เพราะเห็นว่ายังเล็กและเป็นเพียงไม่เถาดูเปราะบาง ด้วยความที่รู้ว่าบาลเดอร์จะตาย โลกิจึงไปสืบข่าวของเรื่องนี้ เขาแปลงกายเป็นหญิงชราไปเยี่ยมเทวีฟริกกา และเขาหลอกถามเธอว่าจะมีอะไรที่สามารถทำร้ายบาลเดอร์ได้บ้างหรือไม่ เทวีลังเลใจก่อนที่จะตอบ เธอกล่าวว่า มีต้นไม้ทางซีกตะวันตกชื่อว่ามิสเซิลโท ซึ่งเธอคิดว่ามันยังเล็กไปเกินกว่าจะสาบานแก่มันได้ โลกิจึงวางอุบายจัดการกับบาลเดอร์ เขาต้องการลวงให้เทพโฮเดอร์ฆ่าบาลเดอร์ตามคำทำนาย
หลังจากนั้น โลกิก็ได้จัดเกมยิงธนูขึ้นบนดินแดนสวรรค์ โดยศรนั้นเขาสร้างด้วยกิ่งมิสเซิลโท และก็ได้ขอร้องให้เทพโฮเดอร์ผู้ตาบอดเข้าร่วมเกมนี้ด้วย โดยอ้างว่าเขาจะเป็นผู้บอกเป้าหมายให้เอง ในเกมการแข่งขัน เหล่าเทพต่างสนุกสนานไปกับเกม รวมทั้งบาลเดอร์ด้วย ขณะที่โลกิกำลังหลอกล่อให้โฮเดอร์เล็งเป้าหมายของเขาไปที่บาลเดอร์ แล้วยิง กิ่งไม้มิสเซลโทปักลงกลางดวงใจของบาลเดอร์ เขาสิ้นชีวิตลงทันที
หลังจากการตายของบาลเดอร์ นันนาภรรยาของบาลเดอร์สิ้นชีวิตด้วยหัวใจสลาย ทั้งสองถูกเผาด้วยกัน บนเรือแห่งความตาย โอดินส่งเฮอมอดผู้ส่งสารไปยังดินแดนใต้พิภพเพื่อขอร้องให้บาลเดอร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เฮลยอมตกลง ทว่าเธอให้ข้อแม้ว่าต้องมีผู้ร่ำไห้เสียใจให้แก่ความตายของเขาทุกคน เว้นแต่โลกิเท่านั้น(ไม่นับเพราะโลกิเป็นผู้วางแผนฆ่าบาลเดอร์เอง ไม่แปลกหรอกที่โลกิจะไม่ร้องไห้) นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ทว่าแม่มดนามโทรกกลับเย็นเฉย ดังนั้นเฮลจึงจำต้องให้บาลเดอร์อยู่ ณ ดินแดนแห่งความตายต่อไป แต่ว่าเธอก็ให้สัญญาว่าจะส่งเขาคืนสู่สวรรค์ก็ต่อเมื่อสิ้นสุดวันอวสารแห่งโลก จริงๆแล้วนางแม่มดโทรกนั้นเป็นร่างแปลงของโลกิที่ไม่ต้องการให้บาลเดอร์คืนชีวิตนั่นเอง สำหรับโฮเดอร์นั้นก็ได้ถูกลงโทษโดยวาลี โดยการทำให้สิ้นชีวิตไปพร้อมกับบาลเดอร์
หลังจากวันแร็กนาร๊อคทั้งบาลเดอร์และโฮเดอร์จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง... เป็นเทพชุดใหม่ที่จะปกครองโลกต่อไป
Raknarok = Raknar&ouml;kr orRaknar&oslash;kr -
แร็กนาร๊อค หมายถึง ช่วงวาระสุดท้ายของจักรวาลตามตำนานของชาวนอร์ส (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ชาวนอร์สเชื่อกันว่า จักรวาลแบ่งออกเป็นเก้าโลก เป็นของชาวสวรรค์กับพวกเอลฟ์ สามดินแดน(ดินแดนเทพ 2 และไลท์เอลฟ์อีกหนึ่ง) รองมาเป็นของมนุษย์ (ซึ่งเรียกว่า แผ่นดินมิดเดิ้ล การ์เด้น = มิดการ์ด) คนแคระ เอลฟ์ตัวดำและขาว และยักษ์นํ้าแข็ง สี่ดินแดน และใต้พิภพอีกสองดินแดน ทว่าความไม่ลงรอยกันในระหว่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่โลกเริ่มต้น ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตสิ่งแรก โผล่ออกมาจากภาวะนํ้าแข็ง และไฟที่รุนแรง(Ymir) โดยเฉพาะระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็ง ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่เปราะบาง ถูกทอนให้ร่อยลงทุกทีด้วยความเกลียดชังระหว่างกัน เสริมด้วยฟืนแห่งความโกรธแค้นนานาประการ ตั้งแต่
ที่โลกิ หากลวิธีเข่นฆ่าบาลเดอร์ เทพแห่งความงามและความดี ก่อให้เกิดความแค้นคุอยู่ในใจเทพทั้งมวล ยิ่งนานวันความกระหายจะทำสงครามก็ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเหล่าเทพยังไปหลอกยักษ์น้ำแข็งตนหนึ่งอีก ทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายเทพก็ยิ่งเกิดความเกลียดชังมากขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงแร็กนาร็อค ความเดือดดาล ความโลภ และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมาในรูปของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าจริยะธรรมและความดีปรากฏให้เห็น
สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกริด (Vigrid - ทุ่งแห่งสงคราม) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามฤดู พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ ยักษ์น้ำแข็ง กับ หมาป่าเฟนรีร์ (Fenrir) และงูยักษ์จากท้องทะเลมิดการ์ดโซลุม หรือ จอร์มุนกานด์ (Jormungand)
เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งไบฟอร์ส ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผา จอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดการ์ด) ดีดตัวขึ้นจากทะเลที่กำลังเดือดขึ้นไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกริด พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนรีร์แหกที่คุมขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง
สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ สโคลจะกลืนกินดวงอาทิตย์ ฮาติที่เคยไล่งับพระจันทร์ก็จะกลืนกินดวงจันทร์ได้ จนดวงดาวจะหายไปจากท้องฟ้า โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด เขา!จาลลาร์จะถูกเทพเฮมดัลล์เป่า ดังโหยหวนทั่วสรวงสวรรค์ ส่งเสียงเตือนเหล่าเทพ บรรดาบุตรแห่งโอดิน และเหล่านัรบสวรรค์ให้ลุกขึ้นสู้ โลกจะสั่นไหว โลกิแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก มันเป็นสงครามที่แม้แต่อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งสวรรค์ก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนรีร์ฆ่าและกลืนกินเข้าไปในท้อง ลูกของโอดิน วีดาร์เป็นผู้ฆ่าเฟนรีร์ เทพไทร์สู้กับปิศาจจาร์ม จนทั้งสองฝ่ายต่างล้มตาย ส่วนธอร์ แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้(เขาเคยลอบฆ่าจอร์มุนการ์นด์มาหลายครั้งแล้ว) แต่พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิสู้อยู่กับเฮมดัลล์ เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตั้งแต่กาลก่อน และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ
ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวนอร์ส ดูเหมือนว่าท่ามกลางความโหดร้าย ทุกๆ อย่างจะสิ้นสูญ ทว่าก่อนที่สงครามจะอุบัติ มนุษย์สองคน ลิฟและลิฟดราเซอร์ (ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง เหมือนกับอดัมกับอีฟยังไงไม่รู้) แอบไปกำบังตัวอยู่บนต้นไม้แห่งโลกอิกดราซิล กระทั่งโลกใหม่ (แผ่นดินใหม่) ผุดขึ้นจากนํ้า เขียวชอุ่มงดงามอีกครั้ง ทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสร้างพลเมืองให้โลก
รวมทั้งเทพชั้นลูกชั้นหลานอีกหลายองค์ที่เหลือรอด เช่น ลูกของโอดิน คือ วีดาร์ วาลี และ โฮนีร์ ลูกของธอร์ คือ โมดิ และ แมกนิ ผู้สืบทอดค้อน และทั้งบาลเดอร์ผู้กลับมาจากความตาย ต่างก็ช่วยกันสร้างโลกกันใหม่ คงเป็นโลกที่เราอยู่กันในปัจจุบัน (มั้ง)
เรื่องแรกนาร็อค เป็นสงครามที่ซาบซึ้งอยู่ในใจของพวกไวกิ้งเป็นอันมาก มันผนึกอยู่ในตำนานที่สร้างศรัทธา ในการต่อสู้อย่างห้าวหาญ ทั้งนี้ เพราะชาวนอร์สเป็นพวกที่ชอบการรบ และไม่เกรงกลัวความตาย เขามีชีวิตอย่าง "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราไปปล้น" ทำให้กลายเป็น พวกรุกรานยุโรป หลังจากโรมันเสื่อมอำนาจ และสงครามที่ไวกิ้งรบแต่ละครั้ง ก็จะตราความน่ากลัว อยู่ในความทรงจำ ของคนชนิดลืมไม่ลง จนมีการบันทึกไว้หลายที่ ทว่า ในมุมมองของชาวไวกิ้งแล้ว...
...สงครามครั้งใด ก็ไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้น ในแร็กนาร็อค...

++หมดแย้วววค่า++^O^V++
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
RYUSAKii
ผู้คุมกฎแสนเยือกเย็น
ผู้คุมกฎแสนเยือกเย็น
RYUSAKii


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 803
อายุ : 31
Localisation : โซล โซไซตี้
Registration date : 23/01/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyFri Sep 21, 2007 8:16 pm

ฮี่ๆ...ผมอดีตสาวกแร๊กนาร๊อก((เกมส์))...ตอนนี้เลิกเล่นไปแล้ว..
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
sz_kaz
ปีสองสุดโฉด
ปีสองสุดโฉด
sz_kaz


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 265
Registration date : 09/02/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptySat Sep 22, 2007 8:52 pm

ข้าน้อยก็อดีตสาวก แร็กนาร๊อคขอรับ ดีใจที่เลิกได้ขอรับ ( ช่วงนั้นแร็กลิซึ่มขอรับ )
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
GOYOMI
ภารโรงหน้าขรึม
ภารโรงหน้าขรึม
GOYOMI


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 564
อายุ : 28
Localisation : ในโลก
Registration date : 23/02/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyMon Sep 24, 2007 2:47 pm

เอ่อ...ยาวจังเลย

ไปอ่านก่อนนะ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
GOYOMI
ภารโรงหน้าขรึม
ภารโรงหน้าขรึม
GOYOMI


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 564
อายุ : 28
Localisation : ในโลก
Registration date : 23/02/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyMon Sep 24, 2007 2:56 pm

เย้ อ่านเสร็จแล้ว
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
xaviera
นักเรียนใหม่สุดแนว
นักเรียนใหม่สุดแนว
xaviera


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 56
อายุ : 29
Localisation : ต่อให้อยากบอกคำนี้แค่ไหนเธอก็คงไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงไม่ให้อภัย แต่ก็อยากบอกว่า "ขอโทษนะ....เพื่อน"
Registration date : 16/08/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyTue Sep 25, 2007 7:39 am

แปลว่าใช้เวลาในการอ่านมากใช่มั๊ยคะน้อง - -+
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
เหมันต์
หัวหน้าภารโรง
หัวหน้าภารโรง
เหมันต์


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 1465
อายุ : 29
Localisation : อยู่ข้างเทอร์นี่งัย เห็นมั๊ยเอ่ย...
Registration date : 11/04/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyTue Sep 25, 2007 2:20 pm

ง่า...อ่านตาแฉะเรยอ่ะ แหะๆ
^_^"
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=64625&eid=7
xaviera
นักเรียนใหม่สุดแนว
นักเรียนใหม่สุดแนว
xaviera


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 56
อายุ : 29
Localisation : ต่อให้อยากบอกคำนี้แค่ไหนเธอก็คงไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงไม่ให้อภัย แต่ก็อยากบอกว่า "ขอโทษนะ....เพื่อน"
Registration date : 16/08/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyWed Sep 26, 2007 11:29 am

เข้าใจค่ะ เพราะตอนเอามาตอนแรกกว่าจะอ่านจบก็ร่วม 15 นาที ยิ่งตอนเอามาลงนี่ปวดตาขั้นสุดยอดเลยค่ะ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
arachinea
ปีสองจอมซนปนทะเล้น
ปีสองจอมซนปนทะเล้น
arachinea


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 135
อายุ : 30
Localisation : Magic flute the Mystery of the wind.
Registration date : 09/05/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyMon Oct 01, 2007 5:43 pm

อืมม์น่าสนใจจังเลย ส้ม (ขอเรียกงี้นะ) เคยเห็นตะคนอื่นเล่นเรามิเคยเล่นเเฮะเกมส์นี้
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
GOYOMI
ภารโรงหน้าขรึม
ภารโรงหน้าขรึม
GOYOMI


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 564
อายุ : 28
Localisation : ในโลก
Registration date : 23/02/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyWed Oct 03, 2007 12:26 pm

ท่านส้มผู้นำความรู้เข้าสู่บอร์ดคาเชนนี้

ซึ่งแต่ก่อนไร้ซึ่งความรู้ไร้สาระ มีการวางระเบิดโดยอัยย์จังได้ฆ่าคนทั้งบอร์ดไปเรียบร้อย
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
ferisku
นายใหญ่แห่งคาเชน
นายใหญ่แห่งคาเชน
ferisku


เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 788
อายุ : 30
Registration date : 08/03/2007

ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: Re: ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ   ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ EmptyWed Oct 24, 2007 11:51 am

ชอบตํานานแร็กนาร็อคมักมากเลย

ตอนนั้นเจอเป็นการ์ตูน

รุปสวยดีเลยซื้อมาดู ติดงอมเเงมอีกเเล้วววว

ชอบม๊ากกกกกก

จากนั้นก็หาตํานานของจริงมานั่งอ่าน

หนุกหนานกว่า กรีก-โรมันอีก

โลกิจงจาเรินนนนน
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
http://ferisku.exteen.com/
 
ว่าด้วยเรื่องของ ตำนานแร็กนาร็อคค่ะ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ 
เธซเธ™เน‰เธฒ 1 เธˆเธฒเธ 1
 Similar topics
-
» ??าด???????อง?อง?ัก???ูน???

Permissions in this forum:เธ„เธธเธ“เน„เธกเนˆเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธ–เธžเธดเธกเธžเนŒเธ•เธญเธš
KA-SHEN Board :: KA-SHEN :: ป่าสวนอาหาร-
เน„เธ›เธ—เธตเนˆ: