KA-SHEN Board
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
KA-SHEN Board

::<[ศูนย์บัญชาการ KSN. ภารกิจพิชิตราชันย์]>::
 
เธšเน‰เธฒเธ™เธšเน‰เธฒเธ™  เธ„เน‰เธ™เธซเธฒเธ„เน‰เธ™เธซเธฒ  Latest imagesLatest images  เธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)เธชเธกเธฑเธ„เธฃเธชเธกเธฒเธŠเธดเธ(Register)  เน€เธ‚เน‰เธฒเธชเธนเนˆเธฃเธฐเธšเธš(Log in)  

 

 ประกวดเเฟนฟิค หนึ่งวันในสวนสนุก

Go down 
เธœเธนเน‰เธ•เธฑเน‰เธ‡เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก
setter
นักเรียนใหม่ไร้ฝีมือ
นักเรียนใหม่ไร้ฝีมือ



เธˆเธณเธ™เธงเธ™เธ‚เน‰เธญเธ„เธงเธฒเธก : 7
Registration date : 02/02/2007

ประกวดเเฟนฟิค  หนึ่งวันในสวนสนุก Empty
เธ•เธฑเน‰เธ‡เธซเธฑเธงเธ‚เน‰เธญเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡: ประกวดเเฟนฟิค หนึ่งวันในสวนสนุก   ประกวดเเฟนฟิค  หนึ่งวันในสวนสนุก EmptyTue Oct 30, 2007 5:28 pm

FIC Ka-Shen


แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องของอโณทัย เด็กสาวหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อแสงส่องใบหน้าของเธอ เธอลุกขึ้นมานั่งกับเตียงทั้งๆที่ยังรู้สึกมึนหัวอยู่ไม่น้อย วันนี้เป็นวันหยุดเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเท่าใดนัก และวันนี้เธอก็ไม่มีคิวถ่ายละครหรืออะไรทั้งนั้น วันนี้เธอไม่จำเป็นต้องเป็นคริสเตียน
เด็กสาวแต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านสบายๆ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว ลุงกับป้าของเธอนั่งกินข้าวเช้าอยู่พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อโณทัยขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ สูรย์ไม่ได้มาเยี่ยมลุงกับป้าเธอตั้งนานแล้วนะนี่
“หวัดดี อโณทัย” ร่างสูงยิ้มทักทาย แต่อโณทัยเพียงแค่พยักหน้าตอบอย่างเนือยๆ ตอนนี้การที่เธอเป็นคริสเตียนพร้อมๆกับการเรียนที่KSN.ทำให้เธอเหนื่อยขึ้นหลายเท่า เพราะเธอรู้สึกว่าที่สถาบันเหมือนจะเรียนหนักขึ้น(หรือเธอรู้สึกไปเอง) แถมบทละครเธอก็จำไม่ได้เสียที แผนไปเที่ยวสวนสนุกกับเรนก็เหมือนจะลอยห่างออกไปเรื่อยๆ
“พักนี้เหมือนเธอผอมลงนะ” สูรย์ทัก อโณทัยพยักหน้าตอบพร้อมๆกับเคี้ยวข้าวไปด้วย
“ฉันก็รู้สึกว่าอาจารย์ให้การบ้านเยอะกว่าเดิม แถมยังเรื่องการใช้ปักษามนตราขั้นสูงอีก” อโณทัยพูดตอบสูรย์เป็นคำแรก น้ำเสียงเธอแหบๆ อาจจะเป็นเพราะเธอเหนื่อยเกินไป ความจริงพวกเขาใช้ปักษามนตราได้ในขั้นพื้นฐาน แต่ที่เรียนอยู่ตอนนี้มันยากกว่าเดิมหลายเท่า
“วันจันทร์อาจารย์มีนัดสอบ” สูรย์บอก “แต่ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย เรนมันก็ยังไม่อ่านแต่ไม่เห็นมันกังวลอะไร วันนี้มันไปรับเพื่อนมันที่สนามบิน เห็นว่าเพื่อนมันมาจากอเมริกาอะไรเนี่ย ภาณุก็ไปด้วย” สูรย์บ่นไปเรื่อยๆโดยไม่สังเกตสีหน้าคนฟังที่เริ่มเปลี่ยน
“เพื่อนเรน ที่ชื่อสรัสวดีน่ะหรอ”
“นั่นล่ะ เฮ้อ...ถ้าเกิดภาณุมันไม่จดโพยแล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ว่าแต่เธออ่านหนังสือหรือยัง” อโณทัยส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่ใจกลับคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง
สรัสวดี ที่เป็นแฟนเรนน่ะหรอ
เขาจะกลับมาเมืองไทย จะมาเที่ยว หรือจะมาอยู่ที่นี่
อโณทัยรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป คิดอะไรฟุ้งซ่าน เรื่องส่วนตัวของเรนไม่ใช่หรือ เราจะไปยุ่งอะไรเรื่องของเขาเล่า
สูรย์ทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นอโณทัยลุกไปจากโต๊ะ กับข้าววันนี้ป้าก็ทำอร่อยดีนี่ หรือว่าเธอกินไม่ลง
ผู้หญิงนี่เข้าใจยาก สูรย์สรุปก่อนจะนั่งกินต่อไป


อโณทัยนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ รู้สึกสับสนในอกอย่างประหลาด เธอทำท่าจะติดต่อหาเรน แต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจ
เธอจะติดต่อไปหาเขาในฐานะอะไรล่ะ ตอนนี้เขาต้องอยู่ที่สนามบินสิถึงจะถูก
เด็กสาวเอนกายลงนอนบนเตียง ใช่สิ เป็นอโณทัยมันไม่สำคัญอะไร คงมีแต่คริสเตียน...
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ แม้เธอจะรู้อยู่ลึกๆแต่ก็ไม่อาจยอมรับได้ แต่เธอไม่สนแล้ว ไม่ว่าความรู้สึกของเธอจะเป็นยังไง ไม่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้
วันเสาร์หน้าก็แล้วกัน


วันพฤหัส
อรุณหยิบเฮชคิวพีของตนออกมาจากกระเป๋า ชื่อคริสเตียนปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขารีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหล เรนเหรอ” เสียงใสๆดังขึ้น “ฉันขอโทษนะที่โทรมารบกวนเสียดึกน่ะ คือ...วันเสาร์นี้เธอว่างหรือเปล่า”
“วันเสาร์ ทำไมเหรอ”
“คือ...คือเธอจำได้ไหมว่าเราคุยกันเรื่องสวนสนุก...คือถ้าเธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ฉันหาวันใหม่ก็ได้ หรือถ้าเธอไม่อยากไปฉันก็...”
“คือฉัน คือพอดีว่าเพื่อนของฉันเพิ่งจะกลับมาจากอเมริกา คือว่า...” เรนเริ่มลำบากใจ กว่าคริสเตียนจะหาเวลาว่างมาได้ก็ใช้เวลานานพอดู แต่เขาเองก็ไม่ได้เจอรัสมานานหลายปีแล้ว
“ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรหรอก งั้นแค่นี้นะ” เธอวางสายไปแล้ว เรนรู้สึกเสียดายนิดๆ แต่บางทีอาจจะยังมีโอกาสหน้า...
“เรนจะไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้นะ” อรุณสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆรัสก็มาเดินข้างๆเขาเสียอย่างนั้น จากเด็กผู้หญิงคนเดิมที่เขาเคยรู้จักกลายเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย
“แล้วรัสล่ะ?” เรนถาม ตอนเด็กๆเขาสนิทกับรัสมาก แค่เห็นหน้าเธอกลับมาที่ไทย เขาก็ดีใจแล้ว ยิ่งภาณุรายนั้นยิ่งดีใจมากกว่าเขาเสียอีก
“รัสยังอยู่ได้อีกตั้งหลายวันหลังจากวันนั้น ส่วนวันเสาร์รัสก็ไปเที่ยวกับภาณุไง” รัสยิ้มออกมาอย่างใจกว้าง “แต่วันนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ไปเที่ยวกับรัสไม่ได้ก็เลี้ยงไอติมรัสก็แล้วกัน ดีมั้ย แล้วเจอกันที่ร้านไอติมนะ รัสจะกินให้เรนหมดตัวเลย” พูดเองแล้วเหมาเอาว่าเขาจะเลี้ยง เธอหันหลังกลับแล้ววิ่งจากไป ปล่อยให้เรนยืนอยู่คนเดียว
ถ้าอย่างนั้น ก็โทรกลับไปหาคริสเตียนก่อนแล้วกัน


คริสเตียนยืนอยู่หน้าสวนสนุกพลางก้มมองนาฬิกาไปด้วย ความที่เธอใจร้อนก็เลยมาก่อนเวลานัดตั้งครึ่งชั่วโมง เด็กสาวพยายามจะไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่นที่สุด เธอใส่หมวกบังสีผมและดึงหมวกลงมาปิดใบหน้าเล็กน้อย
เด็กสาวกวาดดวงตาภายใต้ปีกหมวกไปรอบๆ แม้จะรู้ว่ายังไม่ถึงเวลานัดก็ตามที
“เรน!” เด็กสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างที่คุ้นตาเดินเข้ามาใกล้ อรุณเงยหน้าขึ้นมามองก็พบกับรอยยิ้มของคนที่นัดเขาไว้
“ทำไมมาก่อนเวลาตั้งนาน” คริสเตียนเอ่ยถามอย่างลืมนึกไปว่าตัวเองก็มาก่อนเวลาเช่นกัน เธอยิ้มแล้วชวนเรนไปซื้อตั๋ว ซึ่งหลังจากการเถียงกันอย่างยาวนานว่าใครจะเป็นคนจ่ายเงิน สุดท้ายคริสเตียนก็ชนะ อย่างที่มักจะบอกกันว่าผู้หญิงเถียงเก่งกว่าเสมอ
คริสเตียนกำลังกวาดตามองหาเครื่องเล่นที่น่าจะสนุกสะใจ ตอนที่น้ำดื่มขวดหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า เด็กสาวรับมาใส่กระเป๋าสะพายของตน
“ขอบใจนะ ฉันว่าเราไปเล่นไอ้นั่นกันก่อนดีกว่า” ไอ้นั่นของเธอคือรถไฟเหาะตีลังกา ซึ่งนับตามระดับความหวาดเสียวแล้วยังไม่มากเท่าไหร่
“เอาสิ”
สารพัดเครื่องเล่นที่ถูกจัดหามาให้คนไม่รู้จักหวาดเสียวอย่างคริสเตียนกับอโณทัย ทำให้วันนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มสาว
“เอ๋? ไอติม ให้ฉันหรอ” คริสเตียนชี้ที่ไอศกรีมโคนที่ยื่นมาตรงหน้าเธอ คนซื้อให้พยักหน้า
คริสเตียนยิ้มขอบคุณ เด็กสาวมองหาเครื่องเล่นสุดท้ายก่อนกลับบ้าน เธอตัดสินใจชวนเขาไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าชมวิวสวนสนุก ซึ่งเรนคิดว่าถ้าภาณุหรือสูรย์ลองมานั่งล่ะก็โรคกลัวความสูงคงกำเริบแน่ๆ
ลมเย็นๆพัดมาต้องใบหน้าของเด็กสาว พัดเส้นผมให้ปลิวไปตามลม เธอหันไปมองภาพเด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเธอ เขามองออกไปข้างนอกทำให้เธอสามารถลอบมองเขาได้อย่างสบายๆ คริสเตียนพยายามจะจดจำทุกรายละเอียดของตัวเขา ตอนที่เขาหันมาพอดี ใบหน้าเธอร้อนวาบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ดวงตาสองคู่สบประสาน นานพอที่จะทำให้หัวใจของเด็กสาวเต้นรัว พอที่จะทำให้สติของเธอหลุดลอย เด็กสาวค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ตอนแรกก็แค่หวังว่าเธอจะยังจดจำวินาทีนี้ไว้ ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย
ดวงตาสีน้ำผึ้งคู่นั้นค่อยๆปรือลง รอรับสัมผัสนุ่มนวลจากเด็กสาว วินาทีที่นานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ที่เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหมือนสายลมจะเป็นใจช่วยหอบกลิ่นหอมของดอกไม้พัดพามา หยุดเวลาของทั้งคู่ไว้ตรงนั้น
ก่อนจะที่กระเช้าจะหยุดลง พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นทั่วบริเวณ


“เกิดอะไรขึ้น!” คริสเตียนร้องออกมา เธอผละออกมาจากเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ทั้งคู่กวาดสายตามองหาที่มาอย่างตื่นตระหนก เหมือนว่าไฟจะตกทำให้กระเช้าไม่เคลื่อนที่ แต่พักต่อมามันก็เคลื่อนต่อไปได้ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดูนั่นสิ” คริสเตียนมองตามมือที่เรนชี้ไป ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง รถไฟเหาะตีลังกาที่ทั้งคู่เพิ่งจะเล่นเสร็จมาไม่นาน ตอนนี้ไม่มีรถไฟวิ่งอยู่บนราง แต่มีคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ข้างล่างรางรถไฟเหาะ
“รถไฟตกราง?” อรุณท่าทางดูเป็นกังวลมาก เมื่อกระเช้าแล่นมาถึงจุดหมายเขาก็รีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุทันที โดยมีคริสเตียนวิ่งตามไปติดๆ
“เธอจะไปไหน?”
“ก็ไปดูน่ะสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“มันอาจจะอันตรายก็ได้นะ” คริสเตียนเตือน แต่ช้าไปเสียแล้ว หัวหน้าทีมใจร้อนของเธอวิ่งนำไปแต่ไกล ทำให้เธอต้องรีบวิ่งตามไปอย่างเร่งรีบ
ความที่ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆเลย ทั้งคู่จึงวิ่งกันมานานพอสมควร เล่นเอาเหงื่อเม็ดโตๆไหลอาบ
มันเป็นอย่างที่คาดไว้ รถไฟเกาะตีลังกาคันหนึ่งที่บรรทุกคนราวยี่สิบคน ตอนนี้สถาพรถพังยับเยิน หน่วยกู้ภัยเริ่มช่วยเหลือคนเจ็บอย่างเร่งด่วน ทว่าเหมือนจะไม่ค่อยเหลือผู้รอดชีวิตสักเท่าไหร่
อรุณกำลังจะเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นนักเรียนของKSN. ตอนที่คริสเตียนรั้งไว้ก่อน
“นั่นเพื่อนของเธอไม่ใช่หรอ” อรุณหันไปตามมือที่ชี้ ภาณุ สูรย์ และเด็กสาวอีกคนที่เห็นหน้าไม่ชัดแต่น่าจะเป็นรัสวิ่งมาหาเขา
“พอดีว่าฉันพารัสมาเที่ยวแถวๆนี้ แล้วก็ไปเจอไอ้ร้านขนมที่สูรย์มันทำงานอยู่ ตอนนั้นทางสถาบันแจ้งมาว่าให้มาที่นี่ ตอนนั้นก็ฉันก็ยังไม่เข้าใจอะไรหรอก เพราะมันตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่เราเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อราวๆสิบนาทีก่อน สถาบันก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมาก็เลยเดินกันเสียทั่ว แล้วก็มาถึงตรงนี้ทันเห็นเหตุการณ์” ภาณุเล่า เด็กหนุ่มมองหน้าเพื่อนรัก ก่อนจะมองไปที่คริสเตียน มองกลับไปกลับมาอย่างมีความหมาย เล่นเอาคริสเตียนเสียววาบเพราะภาณุรู้ความลับของเธอ
“ยายอโณทัยไม่ว่าง สงสัยอู้งานตามเคย” ภาณุบ่น ส่วนสูรย์เริ่มเล่าเหตุการณ์
“ตอนนั้นพวกเรามาถึงที่นี่รถไฟเหาะก็เพิ่งจะออกวิ่ง พอมันวิ่งไปถึงตรงนั้น” เขาชี้ไปยังจุดๆหนึ่งของรางรถไฟ “จู่ๆ ก็มีเสียงหวีดร้องนำมาก่อน คนเป็นคนในรถไฟที่มองเห็นว่ารางผิดปกติยังไง แล้วรถไฟก็พุ่งออกมาจากราง แล้วก็ตกลงมากระแทกพื้น” สูรย์ว่า
อรุณยืนคิดอยู่ ตอนที่รัสเดินออกมาเงียบๆ “พวกนายจะไม่ไปแสดงตัวในฐานะนักเรียนของKSN.หรอ ก็สถาบันส่งพวกนายมานะ” เสียงเตือนสติทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามนายนึกขึ้นได้และเดินไปหาสารวัตคนหนึ่งที่ยืนอยู่ห่างออกไป
คริสเตียนมีสีหน้าตกใจ “เธอ...รัส”
รัสมีสีหน้าแปลกใจ และแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อผู้หญิงที่เธอเพิ่งรู้จักมาเรียกชื่อเธอ ซ้ำยังดึงแขนเธอให้ไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน


คริสเตียนกลับมาเป็นอโณทัยอีกครั้ง “เธอจำฉันได้ไหมรัส”
“อโณทัย!” รัสร้องออกมาอย่างตกใจ “ทำไมเธอต้องปลอมตัวด้วย”
“ชู่ว์ เงียบๆสิเดี๋ยวมีคนมาได้ยิน” อโณทัยมีสีหน้ายินดีมาก ตอนแรกที่บอกว่าเพื่อนของเรนชื่อสรัสวดีเธอก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเธอเคยเจอรัสตอนที่เธอสอบชิงทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนช่วงปิดเทอมที่อเมริกา และตอนนั้นรัสก็ใช้ชื่อจริงเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นเธอดีใจมากที่เจอคนไทยที่นั่น แถมยังมาเรียนห้องเดียวกันด้วย สรุปคืออโณทัยคุยกับรัสแต่ภาษาไทยและได้รัสเป็นเพื่อน
“ฉันเล่าไม่ได้น่ะ แต่ว่า... ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอรู้จักเรนกับภาณุด้วย”
“ตอนนั้นที่เธอเล่าว่าเธอสอบเข้าKSN.ได้แล้วน่ะ ฉันก็ยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะร็จักเรนหรือเปล่า แสดงว่าเธออยู่ทีมเดียวกันกับสามคนนั่นน่ะสิ ตอนที่ได้ยินชื่อเธอฉันคิดว่าหูฝาดเสียอีก”
ทั้งสองคนหัวเราะกันอยู่นาน
“แล้วเธอว่าเรื่องเมื่อกี้เป็นยังไง” อโณทัยถามความเห็น รัสยักไหล่
“ฉันไม่ได้เรียนที่เดียวกับพวกเธอนะ จะไปเก่งอย่างนั้นได้ยังไง แต่ถ้าถามความเห็นของฉัน ฉันว่าเหมือนฆาตกรรมมากกว่า รางรถไฟที่สวนสนุกที่อเมริกา ฉันยังไม่เคยได้ข่าวว่ามันจะขาดหรือชำรุดเลย”
นั่นสินะ รางรถไฟที่ขาดหรือชำรุด มันมีใครจงใจให้เป็นอย่างนั้น
“ถ้าอย่างนั้นเราออกไปเถอะ ไม่รู้ป่านนี้พวกนั้นเริ่มสืบกันไปถึงไหนแล้ว”


“นายคิดยังไง” อรุณถามภาณุ ผู้เป็นมันสมองของกลุ่ม ภาณุยักไหล่
“รางรถไฟมันผุจนพังไปจริงๆ แต่ผู้ดูแลสวนสนุกจะเช็ครางรถไฟทุกวันนะโว้ย ใครมันจะทำให้รางผุได้เร็วอย่างนั้น”
“แล้วถ้าใช้สารเคมีกัดกร่อนล่ะ” สูรย์เสนอ “จะเป็นไปได้ไหม”
“เอ...แล้วจะคำนวนอย่างไรล่ะว่าคนที่ตัวเองจะฆ่าจะขึ้นมาบนขบวนนั้น” สูรย์พูดเองแย่งเอง แต่นั่นไปจุดประกายความคิดของภาณุขึ้นมา
“บางทีอาจจะไม่ได้จงใจว่าจะฆ่าใครก็ได้”


ในขณะเดียวกันสองสาว ที่คนหนึ่งไม่เกี่ยวข้อง ส่วนคนหนึ่งเกี่ยวข้องแค่ไม่กล้าไปยุ่ง ไม่ได้กลับไปหาเพื่อนๆอย่างที่ตั้งใจ เพราะพวกเธอกำลังสืบหาข้อมูลกันอยู่
“คนที่ตายมีสิบห้าคน เจ็บสาหัสอีกห้าคน อืม คนที่ตายเป็นหญิงแปดคน ชายเจ็ดคน แถมคนในที่เกิดเหตุก็กักตัวเอาไว้แล้ว คนที่น่าสงสัย...มีคนควบคุมรถ พนักงานตรวจเช็คความเรียบร้อย แต่คนอื่นๆนี่ฉันว่าสืบยากนะ ยิ่งเราไม่ได้มาในฐานะของสถาบันด้วย” อโณทัยบ่น
“งั้นเรากลับไปหาพวกนั้นมั้ย”
“ก็ดีแฮะ แต่ว่า...”
“เดี๋ยวนะอโณทัย ฉันนึกอะไรออกแล้ว!”


“นายหมายความว่ายังไง” สูรย์ถามอย่างไม่เข้าใจ แต่อรุณเข้าใจแล้ว
“นายหมายความว่าต้องการทำลายชื่อเสียงของสวนสนุกอย่างนั้นหรือ?”
“แล้วก่อนหน้านี้ก็มีการเปลี่ยนเจ้าของสวนสนุกใหม่ด้วย เป็นไปได้แฮะ” สูรย์เสริม
“ถ้าอย่างนั้นเราก็คงต้องไปหาเจ้าของสวนสนุ...” สูรย์พูดค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อเสียงหนึ่งดังแทรก
“ไม่ต้องไปหาหรอก” รัสเดินมาอย่างสบายใจกับคริสเตียน(ซึ่งดูขะมุกขะมอมไปบ้างเพราะรีบเปลี่ยนกลับจากการเป็นอโณทัย) พร้อมด้วยหญิงสาวคนหนึ่งที่มีสีหน้าหวาดกลัว
เจ้าของสวนสนุกดูสาวกว่าที่พวกเขาคิด เธอมีผมยาวรวบเป็นมวย ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัว แต่กระนั้นเธอก็สวย แต่เธอเหมือนจะกลัวอะไรอยู่ตลอดเวลา
“คุณจิราภาคะ เอ่อ คุณพอจะให้ความเห็นอะไรได้บ้างคะ” รัสถามเสียงนุ่มนวล แต่จิราภาส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เธอปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร้องลั่นเมื่อมองเข้าไปในกลุ่มคนที่ถูกกักตัวไว้สอบสวน
“กฤษ! กฤษคะ กฤษ”
เด็กหนุ่มสาวมองตามไปยังชายหนุ่มที่เธอเรียก จิราภารีบวิ่งไปใกล้ๆเขา “กฤษคะ ภาคิดว่าคุณขึ้นไปบนรถไฟขบวนนั้นเสียอีก ภากลัว ภาคิดว่าภาจะไม่ได้เห็นคุณอีกแล้ว” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น สูรย์มองด้วยสายตาเห็นใจ แต่รัสกระซิบขึ้นมาเบาๆ
“แฟนกัน?”
“คงงั้นนะ” ภาณุตอบ
“แต่ตอนที่ฉันกับอ... กับคริสเตียนเข้าไปหาเธอ เธอดูเศร้าก็จริงนะ แต่ทำไมเธอไม่รีบมาที่นี่ล่ะถ้าคิดว่าแฟนเธอจะตายน่ะ”
“แฟนเธอ...คนนั้นน่ะชื่อกฤษฎา เป็นลูกมหาเศรษฐีเลยล่ะ เหมือนเคยเห็นข่าวว่ารับมรดกเป็นร้อยล้าน” ภาณุว่า
“เจ้าของสวนสนุกรวยจะตาย จะคบกันก็เหมาะสมดีนี่” สูรย์พูดบ้าง
“กระโปรงเธอขาด” คริสเตียนออกความเห็น พลางชี้ไปที่รอยขาดบริเวณชายกระโปรง ที่เหมือนถูกอะไรเกี่ยว
ภาณุนิ่งเงียบไป “คดีนี้น่ะง่ายนิดเดียว แต่หลักฐาน...”
ทุกคนพยักหน้ารับคำพูดของภาณุ ยกเว้นสูรย์
“นายจะบอกว่าผู้หญิงบอบบางคนนั้นวางแผนฆ่าคนรัก แล้วใช้สวนสนุกของตัวเองเป็นเครื่องมือน่ะหรอ? แต่เค้าจะเอาชื่อเสียงของสวนสนุกไปเกี่ยวหรือ นี่มันแค่สันนิษฐานนะ”
ไม่มีใครฟังสูรย์สักคน


หลังจากรื้อห้องของเจ้าของสวนสนุกกระจุยกระจาย สูรย์กับภาณุก็เริ่มคิดหนัก
เรนขึ้นไปดูร่องรอยของรางรถไฟ ส่วนรัสกับคริสเตียน...สองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกำลังคุยกับเจ้าของสวนสนุก ปล่อยคนกลัวความสูงสองคนเอาไว้ ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะหากขึ้นไปเขาสองคนคงหวิดเป็นศพคารางรถไฟเหาะ
“ภาณุ นายมาดูนี่สิ!” สูรย์ร้องอย่างดีใจมาจากฟากหนึ่งของห้อง พร้อมกับชูหนังสือเล่มหนาปึกให้ดู มันคือหนังสือเรื่องเกี่ยวกับเคมีต่างๆ ภาณุส่ายหน้า
“แค่นั้นไม่พอหรอก ใครก็อาจจะสนใจหามาอ่านก็ได้”
“แต่มันมีไฮไลท์ไว้ด้วยนะตรงเนี้ย ตรงอื่นไม่เห็นจะมี” สูรย์ยังตื้อ ภาณุทนไม่ไหวเลยยอมมาดู
มันมีปากกาไฮไลท์สีชมพูขีดบริเวณที่กล่าวถึงสารเคมีกัดกร่อนชนิดหนึ่ง มันออกฤทธิ์ต่อโลหะ อย่างนั้นหรือ
“งั้นเรากลับไปหาพวกผู้หญิงกัน ป่านนี้เรนคงขึ้นไปอยู่บนรางรถไฟแล้วแหละ”


“ภาณุ!” เสียงของรัสดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งหอบแฮ่กๆมาแต่ไกล
“อย่าตะโกนสิ”
“คุณจิราภาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ คุณกฤษก็ด้วย”
“หา!” สูรย์เป็นฝ่ายตกใจเสียเอง
“มัวยืนทำอะไรกันอยู่ล่ะ รีบไปหาสิ” คริเตียนเผลอพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเหมือนเวลาเธอเป็นอโณทัย แต่ไม่มีใครสังเกตเพราะวิ่งนำเธอไปแล้ว


หญิงสาวนามว่าจิราภานั่งอยู่กับชายคนรัก ความจริงเธอไม่อาจเดินออกมาจากบริเวณที่เกิดเหตุได้ แต่ว่าด้วยความสามารถของเธอทำให้เธอพากฤษมาที่นี่ได้โดยไม่มีใครรู้
บริเวณดังกล่าวปลอดคน หญิงสาวซบหน้าลงกับบ่าของชายหนุ่มพร้อมกับสะอื้นฮักๆอย่างเศร้าเสียใจ มือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปบนเส้นผมของเธอเบาๆอย่างนุ่มนวล หญิงสาวยิ้มแสยะออกมาน้อยๆไม่ให้เขาสังเกตเห็น
“คุณจะเศร้าไปทำไมล่ะครับ ภา” กฤษเอ่ยอย่างอ่อนใจ โดยไม่ทันสังเกตถึงใบมีดที่หญิงสาวล้วงออกมาจากกระโปรง ช่วยไม่ได้นะคะ ในเมื่อคุณไม่ได้ขึ้นไปบนรถไฟขบวนนั้น ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันต้องฆ่าคุณด้วยมือของฉันเอง
“ก็ภารักคุณมากนี่ค่ะ ภาเป็นห่วงคุณ ภารักคุณมากนะคะ ภาไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไปถ้าไม่มีคุณ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสแสร้งให้อ่อนหวานเศร้าสร้อย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและจุมพิตชายหนุ่มที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา สองมือที่โอบรอบคอของเขาถือใบมีดที่จรดลงบนลำคอ และ...
“ระวัง!” เสียงของรัสดังมาแต่ไกล คริสเตียนอยากจะใช้ปักษามนตราของตัวเองแต่ก็ต้องห้ามใจไว้ก่อน สูรย์กับเรนทำท่าจะเข้าไปขัดขวาง ทว่า...
ร่างของหญิงสาวผู้ทำร้ายล้มลง ลำคอของเธอมีรอยฉีกขาด เส้นด้ายบางใสเส้นเล็กๆออกมาจากถุงมือของชายหนุ่มนามกฤษฎา ที่ตอนนี้ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเส้นเอ็นก็พุ่งเข้าทำร้ายคริสเตียนทันที!
“คริสเตียนระวัง!” อรุณร้องลั่น พร้อมกับใช้ตัวบังเด็กสาว แต่ก่อนที่เส้นเอ็นจะพุ่งเข้ามาทิ่มแทงร่างของเขา มันกลับหายไปต่อหน้าต่อตา และเมื่อเขาหันไปอีกครั้ง ชายหนุ่มก็หายไปแล้ว


สุดท้ายคดีนี้ก็ได้บทสรุปออกมา หลังจากรวบรวมหลักฐานแล้วพบว่าคุณจิราภาคือคนร้ายจริงๆ และวางแผนฆ่าคนรักด้วยเหตุผลบางประการ เธอใช้สารเคมีหยดลงบนรางรถไฟตั้งแต่เช้า แล้วคำนวนรอบที่มีความแน่นอนว่ารางรถไฟจะชำรุด แล้วจึงชวนคนรักไปขึ้นรถไฟ แต่พอถึงเวลาเธอกลับบอกว่าจะไปทำธุระและวิ่งหายไป แต่ปรากฏว่ารถไฟขบวนนั้นไม่ได้ตกราง แต่เป็นขบวนหลังจากนั้นต่างหาก เธอจึงลงมือฆ่าเขาด้วยตัวเอง
แต่ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ก็คงจะเป็นเรื่องชายที่ชื่อกฤษ อาวุธที่เป็นเส้นเอ็นนั้นไม่ได้ใช้กันทั่วไปอยู่แล้ว บางทีคนๆนี้อาจจะมาจากองค์กรอะไรนั่นก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้
สุดท้าย รัสก็ต้องกลับไปอเมริกา...
“ดูแลตัวเองด้วยนะ” อโณทัยกระซิบบอกเพื่อนของเธอ รัสยิ้มให้อย่างน่ารักก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามากอดเสียแน่น
“อโณทัย ฉันมีเรื่องจะถาม”
“?”
“เธอชอบเรนใช่มั้ย”
อโณทัยนิ่งอึ้งไปทันที เธอมองหน้ารัสอย่างตกใจ ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ?
“ฉันบอกเธอได้คนเดียวนะ” แล้วอโณทัยก็กระซิบเบาๆที่หูของเพื่อน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำทำให้บรรดาหนุ่มๆงงกันไปตามๆกัน
คำตอบของอโณทัยนั้น คงรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ Go down
 
ประกวดเเฟนฟิค หนึ่งวันในสวนสนุก
เธ‚เธถเน‰เธ™เน„เธ›เธ‚เน‰เธฒเธ‡เธšเธ™ 
เธซเธ™เน‰เธฒ 1 เธˆเธฒเธ 1

Permissions in this forum:เธ„เธธเธ“เน„เธกเนˆเธชเธฒเธกเธฒเธฃเธ–เธžเธดเธกเธžเนŒเธ•เธญเธš
KA-SHEN Board :: FANs :: ห้องสมุด-
เน„เธ›เธ—เธตเนˆ: